MA คืออะไร 5 เคล็ดลับเลือกผู้ให้บริการ MA Server ที่เหมาะกับธุรกิจคุณ

หน้าหลัก    บทความ    MA คืออะไร 5 เคล็ดลั...

Post Image

MA คืออะไร 5 เคล็ดลับเลือกผู้ให้บริการ MA Server ที่เหมาะกับธุรกิจคุณ

การจะทำธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ ระบบ Server ถือเป็นหัวใจสำคัญอย่างนึงที่เราควรโฟกัส เพราะถ้า Server ของเราไม่มีประสิทธิภาพมากพอ การเกิดปัญหาครั้งนึงจะส่งผลกระทบกับธุรกิจอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นยอดขาย หรือความน่าเชื่อถือขององค์กร

เราจึงต้องทำระบบ Server ให้มีประสิทธิภาพ และพร้อมใช้งานตลอดเวลา แต่การดูแลรักษา Server ให้ทำงานได้อย่างต่อเนื่อง และไม่เกิดปัญหาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย บริการ "MA" หรือ "Maintenance Agreement" จึงมีบทบาทที่สำคัญขึ้นมานั่นเอง

MA คืออะไร?

MA คือ การให้บริการดูแล และบำรุงรักษาระบบ Server หรือระบบ IT ขององค์กร โดยมีการระบุขอบเขตของบริการ ระยะเวลา และเงื่อนไขต่างๆ ไว้ในสัญญาอย่างชัดเจน โดยผู้ให้บริการ MA จะทำหน้าที่ดูแล ตรวจสอบ ปรับปรุง และซ่อมแซมระบบในเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) และเชิงแก้ไข (Corrective Maintenance) เพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

การทำ MA จะช่วยลดโอกาสในการเกิด Downtime ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจอย่างรุนแรง โดยเฉพาะองค์กรที่พึ่งพาระบบ IT ในการให้บริการลูกค้า เช่น องค์กรด้านการเงิน การซื้อขายสินค้าออนไลน์ และระบบคลังสินค้า

MA กับ PM ต่างกันยังไง?

หลายคนอาจสงสัยว่า MA กับ PM ต่างกันอย่างไร ทั้งสองคำนี้มีความเกี่ยวข้องกัน แต่ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว

  • MA (Maintenance Agreement) คือการให้บริการที่ครอบคลุมทั้ง Preventive และ Corrective Maintenance เป็นบริการแบบเต็มรูปแบบที่รวมทั้งการตรวจสอบ ซ่อมบำรุง และแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่องภายใต้สัญญา

โดยการทำจะเหมาะกับองค์ขนาดใหญ่ที่ต้องการดูแลระบบแบบครบวงจรมีการตรวจสอบ พร้อมซ่อมแซมไปพร้อมๆ กัน รวมถึงมีทีม Support ให้คำปรึกษาอย่างต่อเนื่อง หมดปัญหาเรื่องการเกิด Downtime เพราะมีทีมดูแลตลอดเวลา

  • PM (Preventive Maintenance) เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ MA เป็นการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน เช่น การตรวจสอบระบบประจำเดือน การทำความสะอาดอุปกรณ์ การอัปเดตซอฟต์แวร์ เป็นต้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในระยะสั้น

ซึ่งเหมาะกับธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการตรวจสอบเป็นครั้งคราว แต่ข้อเสียคือจากไม่มีทีมผุ้เชี่ยวชาญมาคอย Monitor ให้ ซึ่งอาจเกิด Downtime ได้ในอนาคต

กล่าวอีกนัยหนึ่ง PM คือแนวทางหนึ่งในบริการ MA ขณะที่ MA มีขอบเขตบริการกว้างกว่า และครอบคลุมทุกด้านของการดูแลระบบ IT

ประโยชน์ของการทำ MA

  1. ลดต้นทุนการซ่อมแซมในระยะยาว
    การดูแลระบบอย่างสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้มาก ลดความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายรุนแรงแบบรุนแรง ซึ่งปัญหาเหล่านี้มักจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่ามาก เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในการทำ MA

  2. เพิ่มประสิทธิภาพ และรักษาความเสถียรของระบบ
    หากเราดูแลระบบอย่างต่อเนื่อง ระบบก็จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความรวดเร็ว และลดโอกาสที่ระบบจะล่ม

  3. มีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลตลอดเวลา
    เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ผู้ให้บริการ MA จะมีทีมเทคนิคที่สามารถเข้าช่วยเหลือได้ทันที เพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น

  4. ลด Downtime
    การวางแผนการดูแลล่วงหน้าช่วยป้องกันระบบหยุดทำงานกะทันหัน ซึ่งอาจกระทบต่อยอดขายและความเชื่อมั่นของลูกค้า

  5. มั่นใจได้ว่าระบบจะอัปเดต และปลอดภัยเสมอ
    ผู้ให้บริการ MA จะคอยอัปเดตระบบความปลอดภัย ระบบปฏิบัติการ และซอฟต์แวร์ต่างๆ ให้อยู่เสมอ

5 เคล็ดลับในการเลือกผู้ให้บริการ MA Server

การเลือกผู้ให้บริการ MA ที่เหมาะสมถือเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เพราะหากเลือกผิด อาจทำให้เกิดความเสียหายมากกว่าผลดี และนี่คือปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้คุณเลือกผู้ให้บริการได้อย่างคุ้มค่า

1. ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญ

เลือกผู้ให้บริการที่มีประสบการณ์ การทำงานกับระบบที่ทำงานใกล้เคียงกับขององค์กรคุณ เช่น หากคุณใช้ระบบ Windows Server, VMware หรือ Linux ควรเลือกทีมที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านนั้น โดยการสอบถาม Use Case ดูจากรายชื่อลูกค้า หรือผลงานที่ผ่านมา เป็นต้น

2. บริการที่ครอบคลุม และยืดหยุ่น

บริการ MA ที่ดีควรครอบคลุมทั้ง Preventive และ Corrective Maintenance หรือสามารถปรับเปลี่ยนแพ็กเกจให้เหมาะกับขนาดธุรกิจ เช่น มีทั้งบริการแบบรายเดือน รายปี หรือคิดเป็น Project ที่สำคัญควรมีเงื่อนไข SLA ระบุไว้ชัดเจน เช่น

  • หากแจ้งปัญหาจะตอบกลับภายในกี่นาที

  • ใช้ระยะเวลาการแก้ไขปัญหานานแค่ไหน

  • มีรายงานการซ่อมบำรุงรักษาให้ หรือไม่

  • จำนวนครั้งในการทำ PM ที่ครั้งต่อเดือน หรือไตรมาส
    เป็นต้น

3. ความเร็วในการตอบสนอง และการสนับสนุน

ตรวจสอบว่าผู้ให้บริการสามารถให้การสนับสนุนได้เร็วแค่ไหน ลองสอบถามกับผู้ให้บริการว่าหากเกิดปัญหาสามารถ Action ได้เร็วแค่ไหน สามารติดต่อช่องทางไหนได้บ้าง เช่น โทรศัพท์, อีเมล, Line หรือ Helpdesk มีบริการ Onsite/Remote Support หรือไม่ และสามารถติดต่อได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือไม่

4. ความเชี่ยวชาญของทีมงาน และเครื่องมือที่ใช้

ผู้ให้บริการที่ดีควรมีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง และมีการอบรมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสามารถใช้เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพได้ครบทุกฟังก์ชัน ทั้งระบบ Monitoring หรือ Software สำหรับตรวจสอบระบบ

5. สัญญา และความโปร่งใส

ก่อนเซ็นสัญญา ควรอ่านรายละเอียดให้ชัดเจน เช่น

  • บริการครอบคลุมอะไรบ้าง

  • จำนวนครั้งที่เข้าไป Onsite ต่อเดือน/ปี

  • ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนอกสัญญา เช่น ค่าเดินทาง ค่าอะไหล่

  • เงื่อนไขการยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงสัญญา

แน่นอนว่าเราควรเลือกผู้ให้บริการที่มีความโปร่งใส สามารถชี้แจงเงื่อนไขทั้งหมดอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันค่าใช้จ่ายแอบแฝง

ธุรกิจของคุณมีขนาดใหญ่ หรือมีลูกค้าจำนวนมาก บริการ MA คือสิ่งที่จะช่วยป้องกันความเสี่ยงด้าน IT ได้ในระยะยาว และการเลือกผู้ให้บริการ MA Server ที่มีความเชี่ยวชาญ สามารถให้บริการครอบคลุมถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ดีกว่าต้องจ่ายค่าเสียหายจากปัญหาที่จะเกิดขึ้นแน่นอน

หากคุณยังไม่รู้จะเลือกใครทำ MA ให้ สามาถปรึกษากับเราได้ฟรี

โทร 02-430-2422 หรือ Add LINE: @274upge

INFORMATIONS

BLOGGER

karun.s

CREATE DATE

28/06/2025

CATEGORY

บทความทั่วไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ นโยบายและการใช้งานคุกกี้ ยอมรับ